กู้ซื้อบ้าน 2566 ต้องทำแบบไหน ให้ผ่านฉลุยหายห่วง

กู้ซื้อบ้าน 2566 ให้ผ่านฉลุย ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

1.จัดการหนี้สินทุกเรื่องให้เรียบร้อยก่อนเลย

บางคนอาจบอกว่าทำไมไม่เลือกมองหาโครงการที่อยากซื้อก่อนล่ะ? ต่อให้คุณอยากได้โครงการไหนก็ตามแต่ถ้าหันไปดูตัวเลขหนี้สินทั้งค่าผ่อนรถ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ยังเป็นก้อนใหญ่อยู่ยังไงก็ยากที่จะกู้ผ่านแน่นอน ดังนั้นเคล็ดไม่ลับอย่างแรกสำหรับการกู้ซื้อบ้านจึงอยากแนะนำให้จัดการหนี้สินของตนเองให้หมดเสียก่อน อาจผ่อนครบถ้วนแล้วไม่สร้างหนี้เพิ่มเติม หรือผ่อนจนเหลือไม่เกิน 4-5 งวด สุดท้าย แบบนี้ค่อยมองหาบ้านในฝันจะช่วยให้การกู้เงินทำได้ตามเป้าหมายง่ายขึ้นกว่าเดิม

2.เดินรายการบัญชีให้ตัวเลขดูดีสวยงาม

ในระหว่างที่คุณกำลังจัดการหนี้สินของตนเอง สิ่งที่ควรทำควบคู่พร้อมกันนั่นคือ เดินรายการบัญชี หรือทำ Statement ตัวเลขให้สวย ปกติเวลาจะขอกู้สินเชื่อใดก็ตามสถาบันการเงินมักขอดูตัวเลขเงินในบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน แต่สำหรับการกู้ซื้อเงินซื้อบ้านด้วยวงเงินที่สูงบางสถาบันการเงินจึงมักดูย้อนหลัง 12 เดือน นี่จึงเป็นอีกข้อที่อย่ามองข้ามเด็ดขาด แถมถ้าคุณทำแบบนี้ได้ยังช่วยฝึกนิสัยบริหารจัดการและออมเงินของตนเองไปในตัว หากถึงเวลาต้องผ่อนบ้านจริงยังไงก็หายห่วงแน่

3.เริ่มมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ตนเอง

สำหรับข้อนี้ต้องเข้าใจคำว่า “บ้านที่ตอบโจทย์” กันด้วยนะ เพราะมันมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากทีเดียว หลัก ๆ แล้วคนส่วนใหญ่จะมองเรื่องราคาเป็นลำดับแรกซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อรู้ราคาเต็มก็คำนวณเงินดาวน์และเงินผ่อนต่อเดือนได้ง่ายขึ้น เรื่องนี้ปัจจัยสำคัญอยากให้เลือกโครงการที่พอดีตัว ไม่ต้องเหนื่อยกับการผ่อนระยะยาวมากนัก พื้นฐานแบบง่ายมากที่สุดให้คำนวณไว้เลยว่า เงินค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนควรอยู่ระหว่าง 20-30% ของรายรับต่อเดือนทั้งหมด เช่น รายรับ 50,000 บาท ค่าผ่อนชำระควรไม่เกิน 15,000 บาท เพราะปกติสถาบันการเงินเองมักประเมิน Monthly Payment to Net Income Ratio หรือสัดส่วนเงินงวดต่อรายได้สุทธิไม่เกิน 33%

อย่างไรก็ตามนอกจากเรื่องมูลค่าบ้าน ยังมีเรื่องอื่นที่อยากให้พิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยโครงการใด ๆ ก็ตาม และเน้นย้ำเรื่องการ “ตอบโจทย์” ชีวิตมากที่สุด เช่น การเดินทาง ทำเล สิ่งอำนวยความสะดวก บรรยากาศโครงการ คุณภาพสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น อาจไม่ต้องครบถ้วนทุกด้านแต่ท้ายที่สุดต้องพึงพอใจและไม่รู้สึกเสียดายภายหลัง

 

 

 

4.ได้เวลาเก็บเงินดาวน์บ้านกันแล้ว

เคล็ดแบบไม่ลับในการกู้ซื้อบ้าน 2566 ข้อนี้จริง ๆ คุณสามารถเริ่มทำได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่คิดอยากมีบ้าน ปกติแล้วเงินดาวน์บ้านต้องอยู่ระหว่าง 5-20% ของมูลค่าบ้าน เช่น หากราคาบ้าน 3,000,000 บาท เงินดาวน์ก็ไม่ควรต่ำกว่า 150,000 บาท ยิ่งมีเงินดาวน์มากเท่าไหร่ โอกาสที่สถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อย่อมสูงมากเท่านั้น ทั้งนี้หลายสถาบันการเงินยังมองถึงเรื่องอาชีพของผู้กู้ด้วย เช่น หากคุณเป็นพนักงานประจำ มีรายได้ต่อเดือนแน่นอน ก็อาจไม่ต้องดาวน์เยอะมากนัก แต่ถ้าเป็นกลุ่มอาชีพอิสระ อาชีพฟรีแลนซ์ เงินดาวน์อาจต้องสูงสักนิดราว 10-15% ของมูลค่าบ้านเป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ตามทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการกำหนดมาตรการ LTV (Loan to Value) หรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน ประจำปี 2566 โดยจะกลับไปใช้มาตรการเดิม มีเงื่อนไขสำหรับผู้ที่กู้ซื้อบ้านหลังแรก คือ

  • ที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ระหว่าง 10-30% และสามารถกู้ได้สูงสุดที่ 110%
  • ที่อยู่อาศัยราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ระหว่าง 10-30% และสามารถกู้ได้สูงสุดที่ 90%

5.ทำความเข้าใจเงื่อนไขของสถาบันการเงินที่จะกู้

อยากให้ศึกษาข้อมูลพร้อมทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ ของสถาบันการเงินที่ตนเองต้องการกู้ด้วย ซึ่งหลัก ๆ แล้วได้แก่

  • อายุเมื่อถึงการผ่อนชำระจนครบ ผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี
  • กรณีมีการกู้ร่วม เมื่อนับรวม คู่สมรส บุตร พ่อแม่ พี่น้อง จะมีผู้กู้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวได้อีกไม่เกิน 1 คน (ส่วนมากมักเป็นสามี-ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนก็นับเป็นบุคคลอื่น)
  • ประวัติเครดิตบูโร

สรุป

จริงแล้วเคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับใครที่อยากกู้ซื้อบ้าน 2566 ก็ยังมีทั้งการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน (สถาบันการเงินจะระบุเอาไว้ให้อยู่แล้วว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง) ไปจนถึงเรื่องจิปาถะที่ใครอยากกู้ควรต้องมีวินัยด้านการเงิน เช่น พยายามไม่มีประวัติค้างชำระ อย่าผ่อนสินค้าหรือกู้เงินใด ๆ ทั้งก่อนและระหว่างทำเรื่องขอกู้เงินซื้อบ้าน เป็นต้น หากทำได้ตามคำแนะนำทั้งหมดนี้ มั่นใจเลยว่าโอกาสกู้ผ่านมีสูงมาก และเป้าหมายการมีบ้านเป็นของตนเองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป