อันดับ 1
ธุรกิจการแพทย์และความงาม ครองอันดับ 1 มาต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน สืบเนื่องจากการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ และความต้องการการดูแลเรื่องความสวยความงามและผิวพรรณ
อันดับ 2
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจที่ทำการซื้อ-ขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
ธุรกิจโซเชียลมีเดียและออนไลน์ เอนเทอร์เทนเมนต์
อันดับ 3
ธุรกิจด้านฟินเทค (Fintech) และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี
งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจอีเวนต์
อันดับ 4
ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ YouTuber การรีวิวสินค้า และอินฟลูเอนเซอร์
ธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์
อันดับ 5
ธุรกิจแพลตฟอร์ม ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจ Matching เช่น แพลตฟอร์มหาคู่ สั่งอาหาร, เรียกรถ
อันดับ 6
ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต
ธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ
อันดับ 7
ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ธุรกิจโมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีกสมัยใหม่
อันดับ 8
ธุรกิจโลจิสติกส์ เดลิเวอรี่ คลังสินค้า
ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น น้ำ เครื่องซักผ้า อาหาร และอื่น ๆ
อันดับ 9
ธุรกิจ E-Sports และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ธุรกิจอาหารเสริม
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
อันดับ 10
ธุรกิจยานยนต์
ธุรกิจความเชื่อความศรัทธา เช่น สายมูเตลู หมอดู ฮวงจุ้ย รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงมูเตลู
ธุรกิจบันเทิง เช่น ละคร หนังซีรีส์วาย และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ใบกระท่อม
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2565 จะพบว่ามีอยู่ 5 ธุรกิจที่หลุดโผ ไม่ติด 1 ใน 10 ธุรกิจเด่นปี 2566 ได้แก่
ธุรกิจขายตรง
ธุรกิจแปรรูปยาง เช่น ถุงมือยาง ถุงยางอนามัย
ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป
ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เช่น อาหารสัตว์สำเร็จรูป การดูแลสุขภาพสัตว์
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน
ขณะที่ในปี 2566 มีธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่ติดอันดับในปีก่อน แต่เพิ่งมาติดโผธุรกิจดาวรุ่งในปี 2566 เช่น ธุรกิจ Matching, ธุรกิจความเชื่อ, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ, ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ใบกระท่อม เป็นต้น